Sapporo I love you part I
Sapporo I love you part I
ทริปครั้งนี้ ไม่ได้ไปดูไลฟ์ ไม่ได้ไปตามใคร และไม่ใช่เพื่อเจร็อคอะไรแต่อย่างใด ที่ไป เพราะมีโอกาส ที่เราต้องรีบไขว่คว้า ตอนแรกสุดได้บ่นกับไอ้วอกศรีไว้ ว่าไม่อยากไปแล้ว เพราะซัปโปโร ตั๋วแม่งแพง อีกทั้งยังห่างไกล หนาวอีกต่างหาก
แต่...ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้มองผ่านน่านฟ้าความเป็น sapporo มันก็เริ่มเปลี่ยน ในตอนแรกก็รู้สึกเพียงเหมือนว่าได้มาเที่ยวต่างจังหวัด ตามประสาวันหยุดธรรมดา แต่พออยู่ไปๆ มันก็มีอะไรที่แตกต่างจากคำว่าต่างจังหวัดมากขึ้น แต่มันคือ sapporo มันคือประเทศญี่ปุ่น มันสุดยอดมากๆ!
ก่อนหน้านี้ไม่เคยศึกษาความเป็นซัปโปโรมาก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้ว่าอะไรมีชื่อเสียง ไม่รู้ว่าอะไรขึ้นชื่อ และไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง รู้แค่ว่าวันที่ 16 กาเซตไปทำคอนเสิร์ตที่ zepp Sapporo ซึ่งพอไปถึงจริงๆ ก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ผ่าน เพราะโฮสเค้าไม่รู้จักที่ (ฮาาา) สำหรับเอ็นทรี่นี้ จะขอพูดถึงบรรยากาศรวมๆ ก่อน เพราะไม่ค่อยมีเวลามาก
คนที่ได้ไปซัปโปโรครั้งนี้มี่สี่คน Miho, Jun, Shiori และ Yuriko (ชื่อที่เซนเซตั้งให้) ซึ่งเราชื่อ Miho นั่นเอง ซึ่งมีโฮสแฟมิลี่สองหลังคือ Oritasan กับ Mitsunaga san เพื่อรองรับเราสี่คน นั่นหมายถึง บ้านหลังหนึ่งจะให้ไปอยู่ได้สองคน ซึ่งเราได้อยู่กับ Jun ที่บ้าน Orita san และชิโอริกับยูริโกะ ได้อยู่ที่บ้าน Mitsunaga san ระยะทางก็ไม่ไกลกันมาก เพียงแต่จะเดินไปมาหาสู่กันเองไม่ได้ ต้องให้โฮสต์พาไป ซึ่งก็จะมีการรวมตัวไปเที่ยวด้วยกันสี่คนบ้าง แต่บางวันโฮสก็จะพาแยกกันไปเที่ยวลูกใครลูกมัน
ซึ่งโฮสของเรากับจุน จะเป็นอะไรที่เทคแคร์โคตรๆ อยากไปไหนพาไป ไม่อยากก็จะพาไปอยู่ดี แต่อีกบ้านนึงส่วนใหญ่แล้วจะให้เดินไปไหนมาไหนเอง ซึ่งมันก็แหงล่ะ เพราะแถวบ้านเราแม่งไม่มีอะไรเลยนอกจาก seicomart ที่แลดูคล้ายเซเว่นบ้านเรา แต่ในขณะที่บ้านเพื่อนมีแหล่งช็อปปิ้ง มีร้านค้า มีบ่าวหล่อในร้านอาหารที่เราแว๊บไปมาแล้ว!! ตอนแรกก็คุยกันไม่รู้เรื่อง Mitsunaga san จะพูดภาษาอังกิดได้ มี Talking Dict ภาษาไทยด้วย แต่ในขณะที่ Orita san host ของเรา จะรัวภาษาญี่ปุ่นราวกับเราคลอดท้องแม่มาก็พูดได้เลย แบบนั้น เลยคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนใหญ่จะใช้ภาษามือ! แต่กระนั้นก็เถอะ หลังๆเริ่มชินด้วยการมั่วเอาของจุน
Orita san จะเป็นอะไรที่เฮฮามากและชอบสอนคำแปลกๆ เช่น ซึปมปม ที่แปลว่า โป๊ อปไป ที่แปลว่า หน้าอก แต่ละคำช่างส่อเหลือเกิน และคุณภรรยาของ Orita san ก็น่ารักมาก เทคแคร์ดีทุกอย่าง ไม่ค่อยให้ทำอะไรด้วย ส่วน Mitsunaga san จะชอบกลั่นแกล้งเรามาก และชอบแซวว่าเราเป็นเด็ก ด้วยความที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม แล้วยังเรียกเราว่า Manuke ที่เราไม่แน่ใจว่าแปลว่าอะไร รู้คร่าวๆว่าแปลว่า ไอ้โง่ ไอ้เซ่อ อะไรประมาณนั้นป่ะ ผู้รู้? และคุณภรรยาของ Mitsunaga san ก็แข็งแรงมาก ตอนไปเที่ยวน้ำตก ท่านเดินได้คล่องแคล่วมาก ในขณะที่พวกเราเหนื่อยหอบกันเป็นแถวๆ อ้อ จริงสิ อายุเฉลื่ยของพวกโฮสก็ราวๆ 66-72 แล้วนะ แต่แข็งแรงกันมาก!
พูดถึงบ้านเมืองของเขา Sapporo เป็นอะไรที่เงียบ สงบ สะอาด เป็นระเบียบ!!! คำพวกนั้นเป็นอะไรที่ จำกัดความ Sapporo ได้ดีมากๆ ถ้าจะเทียบแล้ว Sapporo ของญี่ปุ่น ก็เหมือน เชียงใหม่ของประเทศไทย แต่!!! มีความเจริญและความเป็นระเบียบที่มากกว่าเมืองไทยหลายสิบเท่าตัวนัก!!! และความวุ่นวายของซัปโปโร จะหาได้แค่ที่ Mainstreet ที่อยู่แถวๆ Odori Park ที่คล้ายๆกับชิบุย่าในโตเกียว ซึ่งแหล่งที่เราชอบคือ Suzukino เพราะว่าเป็นแหล่งรวมวัยรุ่น รวมนั่นรวมนี่ สุดยอดจริงๆ มีโฮสคลับเพียบเลย เสียดายที่ไม่ได้แวะเข้าไป (จิงๆไม่มีเงิน) แต่ถึงจะวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้วุ่นวายเหมือนบ้านเรา ถึงจะคนเยอะพลุ่กพล่าน แต่รถก็ไม่ติด เสียงไม่ดังน่ารำคาญ ไม่มีควัน มลพิษ หรือแทบไม่มีฝุ่นให้เห็น ทุกอย่างและทุกคนอยู่ในกฏระเบียบเป็นอย่างดี
แต่ถ้ามองในด้านไม่ดี มันก็มีกลุ่มนักเรียนที่เดินกันมาราวกับแก๊งซ่าอะไรซักอย่างเหมือนกัน แต่พอมองแล้ว แม่งน่ารักว่ะ! หน้าตาไม่ได้ดูดิบเถื่อน ไม่ได้เข้ากันเล้ยยยย! จุนบอกว่า เข้าไปกระชากลากแขนมันมาซักคนดิ๊ ก็ว่าอยู่... แต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะดูๆแล้วเค้าก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนอะไร ก็แค่เดินกร่างไปมา โชว์พาวไปเท่านั้น ตามประสาคนมันมั่นใจ เออ นะ เข้าข้างได้อีกตู...สรุปแล้วมันดีอ่ะ ชอบอ่ะ ชอบที่สุดก็ตรงที่มันดูสงบสุขนั่นแหละ แต่ในความสงบสุขมันก็ทีเรื่องไม่ดีแอบแฝงแหละ ถึงงั้นก็เถอะ เราก็ไม่ได้ไปพบเจอกับมันก็เลยเจอแต่เรื่องประทับใจ
พอมาดูที่เพื่อนๆร่วมชะตากรรม รู้สึกโชคดีที่ได้อยู่กับจุน เพราะหล่อนป่วงมาก! ป่วงขั้นเทพ!! ดูภายนอกหล่อนจะดูเคร่งขรึมถึงขั้นเท่ห์ เรียนพยาบาลแลดูเป็นสาวมั่นเพรียบพร้อม ไหนได้... มันผีบ้านี่หว่า วิชามารการเข้าใจภาษาญี่ปุ่น หล่อนใช้คำว่า "มั่ว" จากการฟังจับศัพท์เพียงตัวเดียว แต่กระนั้นก็สามารถนำมาแปลได้ทั้งประโยคอย่างเข้าใจ(ผิดๆ) -*- ไม่เพียงเท่านั้น มีอยู่ตอนนึง โฮสจะชมว่าชิโอริจังนี่เก่งนะ จุนเธออยากมีส่วนร่วม เธอล่อซะเต็มปากเต็มคำ "ชิโอริวะ อะตะมะ ก่ะ อิไต๊ เดส" ซึ่งมันแปลว่า ชิโอริปวดหัว!! แต่ในความเป็นจริงแล้วต้องพูดว่า "ชิโอริ วะ อะตะมะ กะ อี้ เดส" ซึ่งแปลว่า หัวดี ฉลาด มันคนละเรื่องกันเลย ไม่เท่านั้น ครั้งที่สองที่หล่อนจะพยายามพูดประโยคเดิม หล่อนล่อไปเต็มๆ "โอกามะ ก่ะ อี้เดส!" ไอ้ อี้เดส นั่นน่ะถูกแล้ว แต่โอกามะน่ะ มันแปลว่ากะเทย -*- กะเทยดี..." เออ มันคืออะไรเหรอ? ยังมีอีกเพียบ ความป่วงของนังจุน ถึงกระนั้นก็เถอะ มันเป็นอะไรที่ฮามากกกก!! ฮาน้ำตาเล็ด
การได้อยู่กับโฮสแฟมิลี่ที่นี่และเพื่อนๆอีกสามคนนั่น เป็นความสุขอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน สุขที่ไม่เหมือนกับตอนที่ได้อยู่ไทย สุขแบบที่ว่าไม่รู้ว่าจะได้ประสบกับมันอีกไม๊ และอยากให้อยู่แบบนั้นไปนานๆ!! จนกระทั่งวันสุดท้ายที่ต้องกลับ รู้สึกเหมือนผูกพันกับโฮสต์แฟมิลี่ที่นั่นมายาวนาน จนถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว
นี่แค่เริ่มต้นนะ ของวันนี้ กะว่าจะมาเล่ารายละเอียดต่ออีกวันหลัง! เพราะมีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะมาก! ที่สำคัญ มีเรื่องที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้ นั่นคือการได้ประทับรอยมือจิโร่ ที่ซัปโปโรโดม!! ซึ่ง Glay เป็นวงที่รักมากกกกกแม้ว่าตอนนี้ที่ญี่ปุ่นก็จะเริ่มซาๆ และ Jiro ก็เป็นบุคคลที่เทิดทูนที่สุด ในบรรดาวงการเจร็อค!! แม้ว่าจะเป็นแค่แท่นรอยมือ แต่การได้สัมผัสขนาดนั้นก็ดีใจมากๆๆๆๆ และคอนเสิร์ตในความฝันสูงสุดคือการได้ดูคอนเกลย์ ซึ่งยังคงรอคอยให้ฝันเป็นจริงในซักวัน!!
เอาล่ะ ยังมีอะไรที่อยากจะเล่าและบันทึกไว้ในความทรงจำอีกเพียบ!! รูปก็มีเยอะมาก จนไม่รู้จะอัพหมดไม๊เนี่ย เลยลงให้ดูแค่ตัวอย่างนิดๆ ของที่ซื้อมาส่วนใหญ่เป็นขนม ซีดี หนังสือ แต่พวกอินดี้ไม่มี หาร้านไม่เจอ คิดว่า ถ้าเป็นทริปไปดูคอน กับ ทริปที่เราไปแบบนี้ ไปอยู่กับโฮสแบบนี้เนี่ย ความรู้สึกดีใจมันคงต่างกัน แต่บอกได้เลยว่า ความคิดที่ไม่อยากมาในตอนแรกนั้น มันหายวับไปจากห้วงความทรงจำ และมีแต่คำเรียกร้องที่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งอยู่ตลอดเวลา!! ขนาดนั้นเลย! อย่างไรก็ตาม ตอนมกรา กุมภา ปีหน้า โฮสทั้งสองบ้านจะมาเที่ยวที่เชียงใหม่ คงได้แว๊บไปหา!! คิดถึงจิงๆ แล้วเจอกัน เอ็นทรี่ต่อไป กับรูปอีกเยอะแยะมากมาย~~
Comments
© Masoul's BLOG. All Rights Reserved. Designed by HTML Codex